20.1.53

Si

Si คือ ประโยคเงื่อนไขในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งจะประกอบด้วยประโยคย่อย 2 ประโยค ซึ่งสามารถแบ่งได้ตาม 3 ประเภท คือ


Si 1 ในเงื่อนไขที่เป็นไปได้ เป็นการสมมติในสิ่งที่อาจจะเป็นจริงหรือเกิดขึ้นได้ หรือต้องการสมมติในสิ่งที่เป็นอนาคต มี 3 รูปแบบคือ
1. Si présent + présent.
เงื่อนไขแบบนี้ มักใช้ในเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ
S'il fait beau, nous allons nous promener dans le parc.
Si c'est l'été, il fait chaud en Thaïlande.

2. Si présent + futur simple.
เงื่อนไขที่คาดว่าถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น จะทำอะไรบ้าง
S'il fait beau, j'irai au Luxembourg.
Elle sera amusé, si elle vient avec nous.

3. Si présent + impératif (ประโยคคำสั่ง)
การสมมติหรือคาดว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างที่คิด จงทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
Si vous avez assez d'argent, achetez ces livres.
Mange ces pains, si tu as faim.


Si 2 เป็นการสมมติสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน แต่อาจเป็นไปได้ในอนาคต หรือต้องการสมมติในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน โครงสร้าง คือ
Si imparfait + conditionnel présent.
Si j'étais riche, j'achèterais une grande voiture.
Paul aurait de bonnes notes , s'il travaillait bien.


Si 3 เป็นการสมมติสิ่งที่เป็นไม่ได้ในอดีต
Si + le plus-que-parfait + conditionnel passé.
Si j'avais fait du sport, je me serais porté mieux.
Hier, je t'aurais pris à la gare, si tu m'avais dit.

Discours Indirects

Discours Indirects คือ การนำเรื่องของผู้อื่นมาพูดต่อ ซึ่งมีเงื่อนไขมากมายตามลักษณะของประโยคที่หยิบมาพูดนั้นๆ เช่น

Discours Directs - Simone dit "J'ai manqué le train de 8 h."
Discours Indirects - Simone dit qu'elle a manqué le train de 8 h."

ซึ่งการใช้เรื่องนี้จำเป็นอย่างยิ่งคือ คำเชื่อม ตัวประธาน และการกระจายกริยา

1. ประโยคบอกเล่า ใช้ que เชื่อม

Tu dois partir demain. (เธอต้องไปพรุ่งนี้)
Pierre dit à Paul qu'il doit partir demain. (ปิแยร์บอกกับปอลว่าเขาต้องไปพรุ่งนี้)

2. ประโยคคำสั่ง ใช้ de + Vinf.

Viens vite! (เธอมาเร็วๆ)
Je te dis de venir vite. (ฉันบอกเธอให้มาเร็วๆ)

Ne faites pas de bruit! (คุณอย่าส่งเสียงดังนะ)
Les filles leur demandent de ne pas faire de bruit. (เด็กผู้หญิงสั่งพวกเขาว่าอย่าส่งเสียงดังนะ)

Lève toi! (เธอจงลุกขึ้น)
Le professeur lui dit de se lever. (ครูบอกให้เขาลุกขึ้น)

3. ประโยคคำถามตอบ Oui / Non ใช้ si เชื่อม

Vas-tu sortir ? (เธอจะออกไปไหม)
Maman me demande si je vais sortir. (แม่ถามฉันว่าฉันจะออกไปข้างนอกไหม)

Est-ce que Nadine part ? (นาดีนไปหรือยัง)
Ses amis me demandent si Nadine part. (เพื่อนๆของหล่อนถามว่านาดีนไปรึยัง)

4. ประโยคคำถามที่มีคำแสดงคำถาม ใช้คำแสดงคำถามเชื่อม

Quand partez-vous ? (คุณจะไปเมื่อไหร่เนี้ย)
Dites-moi quand vous partez. (บอกฉันสิว่าคุณจะไปเมื่อไหร่)

Pouquoi pleures-tu ? (ร้องไห้ทำไมเธอ...)
Je ne sais pas pourquoi tu pleures. (ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงร้องไห้)

5. ประโยคคำถาม Qui / Qui est-ce qui / Qui est-ce que ใช้ qui เชื่อม

Qui vient ? (ใครมา)
Je me demande qui vient. (ฉันสงสัยว่าใครมา)

Qui est-ce que ton père rencontre? (ใครที่พ่อของเธอพบอ่ะ)
Je ne sais pas qui ton père rencontre (ฉันไม่รู้ว่าพ่อเจอใคร)

6. ประโยคคำถาม Que / Qu'est-ce que ใช้ ce que เชื่อม

Que fais-tu ? (เธอทำอะไร...)
Dis-moi ce que tu fais. (บอกฉันสิว่าเธอทำอะไร) (จงบอกฉันสิ่งซึ่งเธอทำ)

Qu'est-ce que tu manges? (เธอทานอะไรอ่ะ)
Dis-moi ce que tu manges. (บอกมาสิๆ ว่าเธอทานอะไร)

7. ประโยคคำถาม Qu'est-ce qui ใช้ ce qui เชื่อม

Qu'est-ce qui sent bon? (อะไรกลิ่นดี / อะไรรสชาติดี)
Je sais ce qui sent bon. (ฉันรู้แหล่ะว่าอะไรอร่อย)

Qu'est-ce qui t'empêche de sortir? (อะไรทำให้เธอรีบออกไป)
Dis-moi ce qui t'empêche de sortir. (บอกหน่อยสิอะไรที่ทำให้เธอรีบออกไป)

Les Articles définis

Les Articles définis คือ คำนำหน้านามที่มีการใช้กับคำนามที่เฉพาะเจาะจง มี 4 ประเภท คือ
le นำหน้าคำนามเพศชาย เอกพจน์
la นำหน้าคำนามเพศหญิง เอกพจน์
l' นำหน้าคำนามทั้งเพศชายและเพศหญิง เอกพจน์ แต่ขึ้นต้นด้วยสระ หรือ h muet
les นำหน้าคำนามทั้งเพศชายและเพศหญิง พหูพจน์

การใช้ Les articles définis มีดังนี้
1. ใช้นำหน้าคำนามที่มีการกล่าวถึงแล้ว
Voilà une fille, maintenant la fille est en train de s'approcher.
นั้นไงเด็กผู้หญิงคนนึง ตอนนี้เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังเข้ามาใกล้ๆแล้ว...

2. นำหน้านามที่มีสิ่งเดียวในโลก
Le soliel (ดวงอาทิตย์)
La Seine (แม่น้ำแซน)
La France (ประเทศฝรั่งเศส)
L'Asie (ทวีปเอเชีย)

3. ใช้นำหน้านามที่ต้องการชี้เฉพาะ
Le dentiste que j'ai vu. il est très beau.
หมอฟันคนนี้ที่ฉันไปพบมาน่ะเธอ เขาหล๊อ หล่อ ล่ะ

Les Articles Contractés

Les Articles Contractés คือ คำนำหน้านามที่มีการลดรูป มี 2 ชนิด คือ

1. Article Contracté ประเภทแรก คือการรวม de กับ les articles définis มี ทั้งหมด 4 รูป คือ
du คือ de + le นำหน้าคำนามเพศชายเอกพจน์
de la คือ de + la นำหน้าคำนามเพศหญิงเอกพจน์
de l' คือ de + l' นำหน้าคำนามทั้งเพศชายและเพศหญิง ที่นำหน้าด้วยสระหรือ h muet
des คือ de + les นำหน้าคำนามทั้งเพศหญิงเพศชาย พหูพจน์

*คำนำหน้านามเหล่านี้ หากอยู่ระหว่างคำนาม แปลว่า "ของ"
Le pontalon du professeur est brun.
กางเกงของคุณครูเป็นสีน้ำตาล

Les aiguilles de la montre sont noires.
เข็มของนาฬิกาเป็นสีดำ

La longue aiguille de l'horloge ne marche plus.
เข็มยาวของนาฬิกาไม่เดินอีกแล้ว

Les robes des filles sont roses.
ชุดกระโปรงของเด็กผู้หญิงเป็นสีชมพู

**แต่ถ้าคำนามด้านหลังเป็นชื่อเฉพาะ ใช้ de ได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนรูป
**การใช้ des ซึ่งซ้ำกับ Les articles indéfinis หากแปลแล้วได้ใจความว่า"เป็นของ" จึงเป็น Article Contracté


2. Article Constracté ประเภที่ 2 คือการรวม à กับ les articles indéfinis ทั้งหมดมี 4 รูป คือ
au คือ à + le นำหน้าคำนามเพศชาย เอกพจน์
à la คือ à + la นำหน้าคำนามเพศหญิง เอกพจน์
à l' คือ à + l' นำหน้าคำนามทั้งเพศชายและเพศหญิง เอกพจน์ ที่ขึ้นต้นด้วย สระ หรือ h muet
aux คือ à + les นำหน้าคำนามทั้งเพศชาย และเพศหญิง พหูพจน์

*คำนำหน้านามเหล่านี้จะตามหลัง V.บางตัว แปลว่า "กับ / แก่"
L'étudiante parle au professeur.
นักเรียนหญิงคุยกับครู

Le professeur donne les livres à la femme professeur.
ครูผู้ชายให้หนังสือแก่ครูผู้หญิง

La professeur donne les livres à l'étudiant.
ครูให้หนังสือกับเด็กนักเรียน

L'étudiant donne les livres aux amis.
นักเรียนให้หนังสือกับเพื่อนๆ

Les Articles Partititfs

Les Articles Partititfs คือ คำนำหน้าคำนามสำหรับคำนามที่นับไม่ได้ เพื่อที่จะบอกเพียงจำนวนหนึ่ง หรือบอกว่าเป็น เพียงส่วนหนึ่ง ไม่ใช่จำนวนทั้งหมด (ทั้งหมด คือ ทั่วๆไป หรือทั้งโลก) มี 4 ตัว คือ
du นำหน้าคำนามนับไม่ได้ เพศชาย เอกพจน์
de la นำหน้าคำนามนับไม่ได้ เพศหญิง เอกพจน์
de l' นำหน้าคำนามนับไม่ได้ ทั้ง 2 เพศ เอกพจน์
des นำหน้าคำนามนับไม่ได้ ทั้ง 2 เพศ ที่เป็นพหูพจน์

Nous mangeons du pain.
พวกเรากินขนมปัง (ไม่ได้กินหมดโลก)
Elle boit de l'eau.
หล่อนดื่มน้ำ (ไม่ได้ดื่มน้ำหมดโลก)

คำนามนับไม่ได้ เช่น
du riz ข้าว
du pain ขนมปัง
du thé ชา
du café กาแฟ
du sucre น้ำตาล
du vin ไวน์
du lait นม
du beurre เนยเหลว
du jambon หมูแฮม
de la marmelade แยม
de la viande เนื้อวัว
de la bière เบียร์

*Article Partitif หากอยู่ในประโยค ปฏิเสธ จะเปลี่ยน du , de la , de l' , des เป็น de และ de จะลดรูป หากคำนามที่ตามมาเป็น สระหรือ h muet.

Les Articles Indefinis

คือ คำที่ใส่นำหน้านามเพื่อบอกเพศและพจน์ของคำนาม เมื่อมาวางหน้าคำนามทำให้ความหมายของคำนามนั้นเป็นนามทั่วๆไป ไม่ชี้เฉพาะ ไม่เจาะจง มี 3 รูป คือ
un นำหน้าคำนามเพศชายเอกพจน์
une นำหน้าคำนามเพศหญิงเอกพจน์
des นำหน้าคำนามพหูพจน์ทั้ง 2 เพศ

Ce matin, j'ai vu un homme qui a été heurté.
เมื่อเช้านี้ ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง โดนรถชน

Ne sortez pas seul la nuit il y a partout des voleurs.
อย่าออกไปข้างนอกคนเดียวตอนกลางคืนนะ เพราะว่ามีพวกขโมยอยู่ทุกหนทุกแห่ง

Une dame m'a raconté des histoires intéressantes.
ผู้หณิงคนหนึ่งเล่าเรื่องน่าสนใจให้ฉันฟัง


*เพิ่มเติม
1. ในประโยคปฏิเสธ ยกเว้นประโยคที่ใช้ V.être คำนำหน้านาม un une des จะเปลี่ยนเป็น de
Elle n'achète pas de robes de cette boutique.
หล่อนไม่ซื้อกระโปรงจากร้านนี้

Dans cette chambre, il n'y a pas de lit.
ในห้องนี้ ไม่มีเตียง

Elle n'est pas une fille timide.
หล่อนไม่ใช่เด็กผู้หญิงขี้อาย


2. des เปลี่ยนเป็น de เมื่ออยู่หน้าคำนามที่มีคำคุณศัพท์ที่เป็นพหูพจน์ อยู่ด้านหน้า
Simone a reçu de belles fleurs.
ซีโมนได้รับดอกไม้สวยๆ

Le gouvernement a construit de nouvelles maisons pour les pauvres.
รัฐบาลได้สร้างบ้านใหม่ให้กับคนยากจน
**adj. ของภาษาฝรั่งเศสส่วนใหญ่จะวางไว้หลังคำนาม แต่มี adj. บางตัวที่อยู่หน้าคำนามเสมอ คือ

beau (belle) / laid (หล่อ (สวย) / ขี้เหร่)
grand / petit (ใหญ่ / เล็ก)
bon / mauvais (ดี / เลว)
longue (ยาว)
Nom
สี
สัญชาติ
ลักษณะ
adj. 3 พยางค์ขึ้นไป
court (สั้น)

P.S. การบอกอาชีพ ไม่มี Article เช่น
Je suis étudiant. เป็นต้น

Le Conditionnel Passé

Le Conditionnel Passé คือ temps ที่ใช้แสดงความเสียดาย (น่าจะทำในอดีตแต่ยังไม่ได้ทำ)

วิธีกระจายเป็น Le Conditionnel Passé คือ
1. ใช้ V.ช่วย V.avoir / V.être กระจายเป็น Le conditionnel présent
2. ใช้ P.P. ของ V.นั้นๆ ตามหลัง V.ช่วย
3. กฏการ accord เหมือนกับ Le passé composé
เช่น
V.prendre (หยิบ จับ ...) V.aller (ไป)
J'aurais pris. Nous aurions pris. Je serais allé(e). Nous serions allé(e)s.
Tu aurais pris. Vous auriez pris. Tu serais allé(e). Vous seriez allé(e)s.
Il / Elle aurait pris. Ils / Elles auraient pris. Il serait allé. Ils seraient allés.
Elle serait allée. Elles seraient allées.